... บ่ายวันหนึ่ง
ซึ่งก็เป็นวันธรรมดาเหมือนวันอื่นๆ ทั่วๆไป โนบิตะกลับมาจากโรงเรียน และวิ่งขึ้นไปชั้น 2ไปที่ห้องของเขา โดเรมอนอยู่ในห้องนั้น และกำลังนอนอยู่ซึ่งก็เป็นเหมือนปกติทุกๆ วัน
"เฮ้ !! โดเรมอนตื่นเถอะแล้วไปเล่นด้วยกัน "โนบิตะชวน
แต่โดเรมอนก็ยังไม่ตื่น
โนบิตะคิดว่า โดเรมอนคงจะเหนื่อย
ปล่อยให้นอนต่อไปดีกว่า ดังนั้นเขาจึงวิ่งออกไปเล่นข้างนอนกะชิซูกะและเพื่อนคนอื่นๆ
... 2-3 ชั่วโมงต่อมา โนบิตะก็กลับมาที่บ้านของเขาและโดเรมอนก็ยังคงนอนอยู่ โนบิตะเริ่มรู้สึกถึงบางสิ่งบางอย่างที่แปลกไป
"ปกติโดเรมอนไม่นอนนานอย่างนี้นี่นา " เขาพยายามจะปลุกโดเรมอน แต่ก็ไม่มีการตอบสนองจากโดเรมอน
โนบิตะเริ่มรู้สึกกลัวและพยายามทำทุกวิถีทางเพื่อที่จะปลุกโดเรมอน แต่ไม่ว่าโนบิตะจะพยายามทำอย่างไรก็ตาม
โดเรมอนก็ไม่ตื่น ถึงตอนนี้โนบิตะรู้ชัดเจนแล้วว่ามีบางอย่างแปลกไป ซึ่งสิ่งนี้ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน
โนบิตะเริ่มร้องไห้
แม้ว่าจะร้องไห้หรือตะโกนร้องอย่างไร เจ้าหุ่นยนต์รูปแมวตัวอ้วนก็ไม่มีการเคลื่อนไหวแต่อย่างไร แล้วโนบิตะก็เกิดความคิดขึ้นมา!!
เขากระโดดลงไปในลิ้นชักโต๊ะของเขา, ใช่แล้ว ไทม์แมชชีนนั่นเอง
โนบิตะใช้ ไทม์แมชชีน ไปในอนาคตไปหา โดเรมีน้องสาวของโดเรมอน โนบิตะไปขอความช่วยเหลือจากโดเรมี
และพาเธอกลับมากับเขา
...กลับมาในปี 1998
หลังจากนั่ง ไทม์แมชชีน กลับมายัง ปี 1998 โดเรมีก็ไปตรวจ ระบบต่างๆ ในตัวของโดเรมอน เพื่อตรวจสอบว่ามีอะไรผิดปกติเกิดขึ้นกับโดเรมอน-พี่ชายของเธอ
หลังจากนั้นไม่นาน โดเรมีก็บอกว่า "แบตเตอรี่ของโดเรมอนหมด"
โนบิตะได้ยินดังนั้นก็โล่งใจ และบอกกับโดเรมีว่า
"แบตเตอรี่หรือ? โดเรมอนไม่ได้เสียหายอย่างอื่นใช่ไหม
งั้นจะรีรออะไรอยู่ล่ะ
ก็เปลี่ยนแบตเตอรี่ใหม่ให้เขา
และทำให้โดเรมอนตื่นกลับมาเหมือนเดิมสิ"
แต่ .. โดเรมี ส่ายหัวและพูดขึ้นว่า
"โนบิตะซัง ฉันควรทำอย่างนั้นเหรอ?"
"อะ . . .อะไรนะ โดเรมี เธอหมายความว่ายังไง??"
โดเรมีตอบว่า "ก็ แบตเตอรี่หลักของโดเรมอนอยู่ตรงนี้
ใกล้กับกระเป๋าหน้าของเขา และไฟมันหมดแล้ว
ซึ่งแต่เดิมแล้วโดเรมอนจะมีแบตเตอรี่สำรองอยู่ที่หู
แต่ว่าโนบิตะ ก็อย่างที่รู้ๆกันแหล่ะว่า
หูของโดเรมอนถูกหนูแทะกินไป เมื่อหลายปีมาแล้ว
ดังนั้นตอนนี้โดเรมอนก็เลยไม่มีแบตเตอรี่สำรอง"
"แล้วมันหมายความว่าอย่างไรละ" โนบิตะสงสัย
"ก็หมายความว่า ถ้าฉันเปลี่ยนแบตเตอรี่ให้โดเรมอน
ความทรงจำทุกอย่างของโดเรมอนก็จะหายไปจากส่วนของหน่วยความจำนะสิ"
"อะไรนะ?"
"แล้วเธอยังจะให้ฉันเปลี่ยนแบตเตอรี่ให้อย่างนั้นหรือ"
โนบิตะหลับตาแล้วร้องไห้ . . .
แต่หลังจากนั้นไม่นาน เขาก็หยุดร้องและบอกโดเรมีจังว่า
"โดเรมี,ขอบคุณนะที่อุตส่าห์มา ฉันจะดูแลโดเรมอนเอง
เธอกลับไปอนาคตเถอะ"
โดเรมีจังไม่รู้ว่าจะทำอย่างไรเพื่อช่วยโนบิตะดี, เธอเข้าไปกอดโนบิตะเพื่อปลอบใจ และก็กลับไปอนาคต
หลังจากโดเรมีกลับไป โนบิตะอุ้มโดเรมอนขึ้น ยกโดเรมอนวางไว้ในตู้ที่นอนของโดเรมอนตามเดิม
. . .วัน- เวลาผ่านไป . . .
ปี ค.ศ.2010 . . . โนบิตะโตขึ้น
ตั้งแต่วันนั้นเป็นต้นมา เขาเปลี่ยนไป เขาทุ่มเทเรียนอย่างหนัก ไม่มีการร้องไห้อีกต่อไป และเขาก็มีชีวิตอยู่โดยที่ไม่มีโดเรมอน
เขาได้บอกชิซูกะและทุกๆคนว่า โดเรมอนได้กลับไปสู่อนาคตของเขาแล้ว และจะไม่สามารถได้พบกับโดเรมอนได้อีกต่อไป
ชิซูกะรู้สึกประทับใจในท่าทางที่เปลี่ยนไปอย่างเหลือเชื่อของโนบิตะซึ่งแตก
ต่างจากเมื่อ 10 ปีก่อนอย่างสิ้นเชิง พวกเขาตกหลุมรักซึ่งกันและกันและในที่สุดก็ได้แต่งงานกัน . . .
โนบิตะเติบโตเป็นนักวิทยาศาสตร์ เขาได้สร้างห้องของเขาให้กลายเป็นห้องทดลอง และทุ่มเทศึกษาอย่างหนักในงานของเขาตลอดทั้งวัน เขาได้บอกชิซูกะว่าไม่ให้เข้ามาในห้องทดลองของเขา เพราะมีสิ่งที่เป็นอันตรายอยู่มากมาย
แต่แล้ววันหนึ่ง
เขากลับเรียกชิซูกะให้เข้าไปในห้องของเขา ห้องทดลองซึ่งเขาเคยบอกว่าเต็มไปด้วยอันตราย มันเป็นครั้งแรกที่ชิซูกะได้เข้าไปในห้องทดลองของสามีของเธอ
และเมื่อเธอเข้าไป . . เธอถึงกับตกใจจนพูดไม่ออก !
เพราะสิ่งที่เธอเห็น ..
เพื่อนเก่าของเธอ
ผู้ที่เธอเคยเล่นด้วยในวันเด็ก
"โดเรมอน"
โดเรมอนไม่ได้เคลื่อนไหว มันดูเหมือนว่าเขากำลังหลับ
"ดูนะชิซูกะ ฉันจะเสียบปลั๊กเดี๋ยวนี้แหละ . . "
โนบิตะเปิดสวิชส์หลักของโดเรมอน
โดเรมอน ลืมตาขึ้นมาอย่างรวดเร็ว . . . . .
มันเป็นช่วงเวลาสำหรับคำถามที่ทุกคนอยากรู้ว่า
"ผู้ประดิษฐ์โดเรมอน . . . เป็นใคร"
มีคำตอบที่ชัดเจน
คนนั้นคือ โนบิตะ นั่นเอง . . .
โนบิตะเรียนอย่างหนัก และทุ่มเท
เพื่อที่จะได้พบได้คุยกับเพื่อนเก่าของเขา
"โดเรมอน" อีกครั้งหนึ่ง ซึ่งในขณะนี้นั้น โนบิตะเป็นผู้ที่สร้างโดเรมอนขึ้นมา
เขาได้ค้นพบโครงสร้าง สถาปัตยกรรม และโปรแกรมทั้งหมด ของหุ่นยนต์ที่เป็นแบบฉบับของโดเรมอน
โนบิตะและชิซูกะ ร้องไห้เบาๆ
ด้วยความยินดี . . . .
โดเรมอนลืมตาขึ้นมา . . มองไปรอบๆ และในที่สุดก็พูดขึ้นว่า
"โนบิตะ นายทำการบ้านเสร็จรึยัง?"
เมฆสีขาวก็ยังลอยล่องอยู่บนท้องฟ้า เหมือนดังวันก่อน วัน-เวลาที่พวกเขาได้ร่วมใช้ชีวิตอยู่ด้วยกัน . . . .
. .
ลาก่อนโดเรมอน
เรื่องราวการ์ตูนของหุ่นยนต์แมวอ้วนสีน้ำเงินนี้มีมานานกว่าสิบสิบปีแล้ว
เขียนกันจนกระทั่งผู้เขียนได้เสียชีวิตจากไป กระนั้นเรื่องราวก็ยังไม่จบแบบสมบูรณ์ แต่ทว่าที่ญี่ปุ่น
ได้เผยถึงตอนจบที่ผู้เขียนได้เขียนเอาไว้ก่อนที่จะเสียชีวิตไว้คร่าว ๆ
ว่าโนบิตะเป็นเด็กที่อ่อนแอที่เป็นโรคร้ายรักษาไม่หาย และกลายเป็นเจ้าชายนิทรามาเป็นแรมปีแล้ว
ในขณะที่พ่อแม่พี่น้องทุกคนกำลังถอดใจ ก็ตัดสินใจที่จะทำให้เขาตื่นขึ้นมาเป็นครั้งสุดท้าย ในวันที่เขาตื่นขึ้นมาในโรงพยาบาล
เขาเห็นคนรู้จักของเขาเกือบทุกคน ทั้งพ่อ แม่ เพื่อน ๆ ต่างมายืนล้อมรอบเตียงของเขา แต่เขามองไม่เห็นเพื่อนสนิทที่สุดของเขานั่น
คือ โดเรมอน . . เขาจึงถามหา .. แต่คำตอบที่ได้ก็คือ
โดเรมอนนั้นเป็นเพียงแค่เรื่องราวในความฝันของเขา
ขณะที่เขาหลับเป็นเจ้าชายนิทราเท่านั้น ไม่ได้มีตัวตนอยู่จริง เขารู้สึกเสียใจมาก . . .
วันรุ่งขึ้นขณะที่โนบิตะนั่งมองออกไปที่นอกหน้าต่าง เขาก็ได้เห็นต้นไม้ใหญ่ต้นหนึ่งที่ผลัดใบร่วงไปเกือบจะหมดต้นแล้ว
อากาศในตอนนั้นหนาวเย็น
โนบิตะนั่งถอนใจนึกถึงเรื่องราวของโดเรมอน . . .
ทันทีที่ใบไม้ใบสุดท้ายหลุดร่วงลงจากต้น
โนบิตะก็หมดลมหายใจจากไป . . . .
ผู้เขียนได้เขียนตอนจบนี้ขณะที่เขาป่วย
ก่อนที่จะเสียชีวิตในโรงพยาบาล
แต่ก็ไม่ได้ลงตีพิมพ์
เพราะสมาพันธ์การ์ตูนแห่งประเทศญี่ปุ่นให้เหตุผลว่า
มันเศร้าเกินไป
เด็กๆมีความผูกพันกับโดเรมอนมากทางด้านจิตใจ
หากผลสรุปว่า โดเรมอนเป็นเพียงความฝันของเด็กไม่สบายคนหนึ่งเท่านั้น
และสุดท้ายก็เสียชีวิต จะเป็นการทำร้ายจิตใจเด็ก ๆ
มากเกินไป . . .